เรื่อง : Future Minds เจาะความคิดชีวิตยุคดิจิตอล

เขียน : Richard Watson

แปล : นายแพทย์เอกชัย อัศวนฤนาท

สำนักพิมพ์ Papyrus by Truelife 2554

ราคา 250 บาท

                           Future Minds เจาะความคิดชีวิตยุคดิจิตอล เป็นหนังสือดีสำหรับทุกคนที่จะทำให้สามารถพัฒนาศักยภาพของตัวเองและดึงศักยภาพนั้นมาใช้ได้อย่างเหมาะสมและชาญฉลาด หนังสือขายดีที่ CEO ทั่วโลกแนะนำให้อ่านเจาะลึกถึงวิธีการสร้างสรรค์ความคิดภายใต้โลกที่เต็มไปด้วยสิ่งเร้าต่างๆอย่างเครื่องมือดิจิตอลที่จะทำให้เราไม่สามารถคิดอะไรดีๆและสร้างสรรค์ได้อย่างง่ายๆ แต่หนังสือเล่มนี้ได้บอกวิธีการเอาชนะสิ่งเร้าเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็น วิธีคิด วิธีปฏิบัติ วิธีการทำงานภายใต้เวลาที่จำกัดและเร่งรีบอยู่เสมอ รวมไปถึงวิธีการกระตุ้นให้คิดได้อย่างคาดไม่ถึง การอธิบายด้วยผลงานการวิจัยที่ได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกด้วยข้อมูลที่รอบด้านโดยชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของสิ่งต่างๆที่คนทั่วไปคิดไม่ถึงว่าจะมันจะมีประโยชน์ เช่น ความเบื่อ การปล่อยตัวเองให้ว่าง การไม่ไปทำงาน การนั่งอยู่เฉยๆเงียบๆคนเดียว เป็นต้น ผลการศึกษาไม่น่าเชื่อการทำสิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้สมองมีความคิดสร้างสรรค์อย่างคาดไม่ถึง ตัวอย่างเช่น เวลาเราอาบน้ำอยู่ๆความคิดดีๆก็ผุดขึ้นมาในหัว หรือ เดินเล่นๆความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา หรืออย่างมากคนส่วนใหญ่มักจะคิดอะไรดีๆออกเวลากลางคืน เป็นต้น ดังนั้นหนังสือนี้ตอบโจทย์สำหรับการการดึงศักยภาพทำงานออกมาได้อย่างสร้างสรรค์และสามารถปฏิบัติได้อย่างเห็นผล และรู้เท่าทันโลกยุคดิจิตอล

เรื่อง : ไฟในประวัติศาสตร์มนุษย์

เขียน: Richard Wrangham

แปล: ศิริรัตน์ ณ ระนอง

สำนักพิมพ์มติชน 2555

ราคา 190 บาท

หนังสือเรื่องไฟในประวัติศาสตร์มนุษย์ ได้พยายามเสนอแนวคิดและมุมมองใหม่ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการวิวัฒนาการของบรรพบุรุษของมนุษย์อธิบายโดยใช้สรีระและอวัยวะของร่างกายประกอบได้อย่างยอดเยี่ยม และพฤติกรรมของลิงกับมนุษย์ โดยได้ชี้ให้เห็นถึงการรู้จักทำอาหารที่เกิดขึ้นมาหลังจากที่มนุษย์รู้จักไฟและนำไฟมาใช้ประโยชน์นอกจากการป้องกันสัตว์ร้ายและการให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายแล้วก่อนที่จะรู้จักการทำอาหารให้สุกด้วยการใช้ไฟ การรู้จักทำอาหารของมนุษย์ทำให้ร่างกายเกิดการวิวัฒนาการจากการที่ต้องกินอาหารดิบเปลี่ยนมากินอาหารสุกแทนด้วยเหตุผลที่ว่าอาหารสุกนั้นอร่อยและให้พลังงานมากกว่าอาหารดิบ ซึ่งทำให้สามารถตอบคำถามที่ว่าทำไมร่างกายมนุษย์ถึงมีการพัฒนามาอย่างปัจจุบันนี้ นั่นคือการที่ร่างกายสามารถวิวัฒนาการให้สอดคล้องกับอาหารที่กินเข้าไปเพราะอาหารสุกนั้นมีความอ่อนนุ่มกว่าอาหารดิบมากและย่อยง่ายให้พลังงานได้เต็มที่กว่าอาหารดิบ สังเกตได้จากขากันไกรของมนุษย์ ที่ไม่ค่อยแข็งแรงนั่นเพราะมนุษย์ไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องมีขากันไกรที่แข็งแรงเหมือนสัตว์กินเนื้อดิบทั่วไป หรือแม้แต่ลิงเอปล์ทั่วไปการกินสัตว์เล็กๆนั้นจะเลือกกินเฉพาะใส้ที่เป็นส่วนที่อ่อนนุ่ม เพราะขากันไกรของสัตว์เหล่านี้ไม่แข็งแรงพอจะเคี้ยวเนื้อส่วนที่เป็นกร้ามมัดได้อีกทั้งต้องใช้เวลานานมากกว่าที่พวกมันจะเคี้ยวได้ละเอียดซึ่งต้องเสียเวลาไปหลายชั่วโมงกับการกินอาหาร ส่งผลให้บรรพบุรุษของมนุษย์เลือกอาหารสุกเป็นทางเลือกที่ดีและเหมาะสมที่สุดที่จะประหยัดเวลาแทนที่จะมานั่งเคี้ยวเนื้อสัตว์ดิบหรืออาหารดิบเป็นชั่วโมงๆโดยที่ไม่ต้องทำอย่างอื่น หนังสือเล่มนี้ยังยกตัวอย่างการศึกษาด้านมนุษยวิทยาในการเก็บข้อมูลของนักมนุษยวิทยากับชนเผ่าต่างๆเพื่อเทียบเคียงถึงพฤติกรรมการกินอาหารและธรรมเนียมปฏิบัติในครอบครัวเรื่องการทำอาหาร ซึ่งทำให้เห็นว่าการทำอาหารทำให้เกิดการแบ่งงานกันระหว่างหญิงและชายขึ้นมาอย่างหน้าสนใจ ซึ่งกลายเป็นธรรมเนียมสากลที่พบได้ทั่วโลก 
 นอกจากนั้นหนังสือเล่มนี้ยังแสดงให้เห็นว่าการทำอาหารทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับสัตว์อย่างมีนัยสำคัญ อาทิ มนุษย์รู้จักอดทน มนุษย์รู้จักแบ่งงานกันทำ มนุษย์รู้จักใช้ปัญญาสร้างสรรค์  ฯลฯ เป็นต้น หนังสือเล่มนี้ใช้หลักการอธิบายได้อย่างทรงพลังด้วยการใช้ข้อมูลความรู้รอบด้านตั้งแต่อดีตและปัจจุบันในการนำเสนอเป็นประเด็นการทำอาหารทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์มาจนถึงปัจจุบันว่าการรู้จักไฟจนนำมาสู่การทำอาหารสุกโดยการใช้ไฟส่งผลให้เกิดการพัฒนาการจากลิงมาสู่มนุษย์