วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ถนน "เจริญกรุง"ถนนแบบตะวันตกสายแรกของประเทศไทย

   ถนนสายใหม่ สายแรกในประเทศไทย

          แรกเริ่มเดิมทีไทยไม่มีการตัดถนนแบบ เรียบๆแบนๆ ดูมีแบบแผน เราใช้ถนนที่เรียกว่า "ทางเกวียน " ในการสันจรทางบก  ดังนั้นเมื่อมีการตัดถนนใหม่ ชื่อว่า "ถนนเจริญกรุง" จึงเป็นถนนแบบตะวันตกสายแรกในประเทศไทยของเรา และถูกแบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ "ถนนเจริญกรุงตอนใน"และ "ถนนเจริญกรุงตอนนอก "


 แรกกำเนิด

              ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชการที่ 4 เมื่อ พ.ศ. 2404-2407 มีความยาวรวมกันทั้งสิ้น 8,575 เมตร โดยมีเจ้าพระยาศรีสุริยะวงศ์ (ช่วง  บุญนาค) เป็นผู้ดูแลการสร้าง พระยาอินทราธิบดีสีหราชรองเมือง เป็นนายงาน  นายเฮนรี่  อาลาศเตอร์ (ต้นตระกูลเศวตศิลา) เป็นผู้สำรวจถนนและเขียนแบบ  โดยใช้เทคนิคการก่อสร้างแบบตะวันตก  โดยเอาอิฐปูนเรียงตะแคง ให้ตรงกลางนูนน้ำจะได้ไม่ขังนอง  

ความหมายของถนนเจริญกรุง

            ช่วงแรกคนไทยมักเรียกถนนเส้นนี้ว่า "ถนนใหม่" ส่วนฝรั่งเรียกว่า "New Road" และชาวจีนเรียกว่า  "ซินพะโล้ว" ซึ่งทั้งหมดมีความหมายเดียวกันว่า  "ถนนใหม่" ต่อมาในปี 2411 รัชการที่ 4 ได้พระราชทานชื่อว่า "ถนนเจริญกรุง" มีความหมายตามตัวว่า ความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง และห้ามเรียกชื่ออื่นกันอีกต่อไป 

สาเหตุการตัดถนนเส้นนี้

เกิดจากชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยขณะนั้นเข้าชื่อทำเรื่องถวายว่า   เดิมชาวยุโรปขี่รถขี่ม้าเที่ยวตากอากาศเป็นกิจวัตรขณะอยู่ประเทศเดิมของตน  ซึ่งเป็นการพักผ่อนและออกกำลังกายที่ดีต่อสุขภาพทำให้ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย แต่เมื่อเข้ามาพักอาศัยในกรุงเทพฯ ปรากฎว่าไม่มีถนนหนทางแบบทันสมัยสำหรับขี่รถขี่ม้าตากอากาศ จึงเกิดอาการเจ็บไข้ได้ป่วยตามกัน




อ้างอิงจากหนังสือ 50 สิ่งแรกในเมืองไทย


10 วิธีที่ระบบการศึกษาของเรา สามารถช่วยกระตุ้นความคิดของเด็ก

                         การกระตุ้นความคิดของเด็ก

             

 โลกกำลังเปลี่ยนไปอย่ารวดเร็ว มีเทคโนโลยีมากขึ้น ออนไลน์กันมากขึ้น และกฏข้อบังคับมากขึ้นในอนาคต ดังนั้นสิ่งที่เด็กๆและพวกเราที่เหลือทุกคน  จำเป็นต้องมีคือ การคานกำลัง เราจำเป็นต้องมีอิสระภาพในการลองผิดลองถูกและทำในสิ่งที่ไม่ใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ทำตัวสบายๆมากขึ้น มีกระดาษเปล่าและดินสอมากขึ้น รวมทั้งโฟกัสในสิ่งที่เราทำให้เราเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ 

"เราไม่ได้กำลังจะต่อต้านเทคโนโลยี  

เพียงแต่ว่าเราอย่าหลงลืมความเป็นมนุษย์"



10 วิธีที่โรงเรียนสามารถใช้กระตุ้นความคิดเด็กได้ในยุคเทคโนโลยี


1. เน้นให้เล่นแบบอิสระแทนที่จะเล่นแบบมีกฎและข้อบังคับ  เพื่อหลีกเลี่ยงการขวางกั้นจินตนาการ

         2. อย่าเน้นผลลัพธ์เท่านั้น  เพราะเป้นความคิดที่คับแคบ

         3. อย่าหมกมุ่นกับเทคโนโลยีสารสนเทศจนละเลยหนังสือและครู

4. .ให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์และการใช้เหตุผลเพื่อสร้างความคิดริเริ่มและเต็มไปด้วยจินตนาการ  ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของบริษัทต่างๆ

5. ลดการบ้านให้น้อยลงเพื่อเพิ่มเวลาให้กับครอบครัวและสนับสนุนให้มีการใช้จินตนาการในการเล่นแบบอิสระ

6. หาทางช่วยให้พ่อแม่ที่ไม่มีเวลาหันมาใช้เวลากับลูกๆ เพิ่มขึ้น

7. สนับสนุนพ่อแม่ให้จำกัดกิจกรรมบางอย่างของลูกโดยเฉพาะอย่างยิ่งการอยู่กับโลกออนไลน์

8. หยุดกังวลเรื่องอนามัยและความสะอาดที่กันเด็กให้เล่นอยู่แต่ในบ้านและไม่มีการเล่นกลางแจ้งเท่าที่ควร

9. จำไว้เสมอว่าการอ่านทุกชนิดไม่จำเป็นต้องดีเสมอไป  จงใส่ใจกับสื่อที่ใช้ในการอ่าน

10. อย่ายอมให้ข้อมูลและทัศนคติจากเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโทรศัพท์มือถือ  เข้ามาลดคุณค่าของพ่อแม่และครู



อ้างอิงจากหนังสือ เจาะความคิดชีวิตยุคดิจิตอล จะทำอย่างไร? หากความคิดคุณถูกกลืนด้วยเทคโนโลยี

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564

10 วิธีคิดของวัยรุ่นหน้าจอ

                                                  

"วัยรุ่นหน้าจอ (Screenagers)"

            คำนี้นำมาใช้อธิบายอาการของการอ่านจากหน้าจอ  เช่น ถูกปลุกด้วยเสียงเรียกจากโทรศัพท์มือถือ และตรวจสอบเรื่องซุบซิบล่าสุดด้วยมือถือก่อนที่จะลุกออกจากเตียง โดยจะใช้เวลาส่วนใหญ่ยุ่งอยู่กับหน้าจอไม่ชนิดใดก็ชนิดหนึ่ง ติดต่อเพื่อนๆและคนรู้จักผ่านหน้าจอ และอาจนั้งลงพักผ่อนด้วยการใช้อินเทอร์เน็ต ทั้งในยามกลางวัน และกลางคืน









บทความนี้จะชวนไปสังเกตุพฤติกรรมของวัยรุ่นหน้าจอ และสำรวจทัศนคติใหม่ๆเหล่านี้ได้อย่างไร

10 วิธีคิดที่แตกต่างของวัยรุ่นหน้าจอ

1. วัยรุ่นหน้าจอชอบทำงานหลายอย่างพร้อมกัน (Multitasking) ชอบประมวลผลแบบมากกว่าทีละหนึ่งอย่าง และชอบประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคล ชอบอ่านข้อคามแบบกระโดดข้ามไปข้ามมา  และชอบรูปภาพมากกว่าข้อความ


2. สิ่งที่ต้องจดจำจะอยู่ในฮาร์ดไดร์ฟ   ถ้าต้องการรู้ข้อมูลอะไร พวกเขาจะกูเกิ้ลหามันทันที


3. ความสะดวกในการสร้างข้อมูล ทำให้เป็นรูปแบบเฉพาะตัว  เผยแพร่ได้อย่างสะดวกและกำลังทำให้พวกเขาสนใจแต่เรื่องของตัวเองมากขึ้น


4. วัยรุ่นหน้าจอใช้เครื่องมือดิจิตอลเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าและการผูกมัดอยู่เสมอ  
ทำให้พวกเขากำลังสร้างหรือมีพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น


5.  อินเตอรืเน็ตกำลังทำลายความจำเป็นในการติดต่อกันซึ่งหน้า  และสิ่งนี้ให้กำเนิดรุ่นใหม่ที่ชอบติดต่อกับเครื่องมือมากกว่าติดต่อคน

6. คนรุ่นใหม่จะคิดว่าถ้ามีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น พวกเขาก้แค่กดปุ่มๆหนึ่ง   แล้วทุกอย่างก็จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง


7. คนยุคดิจิตอลต้องการสิ่งแวดล้อมใหม่ที่เต็มไปด้วยสิ่งเร้า การสนองตอบทันทีพูดชมเชยและให้รางวัลบ่อยๆ


8. วัยรุ่นหน้าจอมีชีวิตอยู่กับเดี๋ยวนี้ และทุกอย่างล้วนไม่มีปัญหาแม้ว่าพวกเขาอาจจะรู้หนังสือหรือเก่งเรื่องตัวเลขน้อยกว่าคนรุ่นก่อนก็ตาม  ในเมื่อความรู้แทบทุกอย่างหาได้อย่างรวดเร็ว


9. สมองของวัยรุ่นหน้าจอตื่นตัวเป็นพิเศษกับข้อมูลที่เข้ามาหลายๆทาง แม้ว่าความเข้าใจและความสนใจของพวกเขาจะเปลี่ยนไปมาตามข้อมูลที่เข้ามาอย่ารวดเร็ว และไปอย่างรวดเร็วเกือบทันที


10. สมองของวัยรุ่นหน้าจอมีความว่องไว  



จากหนังสือ เจาะความคิดชีวิตยุคดิจิตอล จะทำอย่างไร? หากความคิดคุณถูกกลืนด้วยเทคโนโลยี

วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2564

ทำไมเราถึงอยากลาหยุดต่อ?

                                        อยากหยุดต่อ   

                                                                  

"ความล้าจากการทำงาน ทำให้เราคิดถึงวันหยุด"

                    คุณเคยคิดถึงวันหยุดอีกไหม? ทั้งที่พึ่งหยุดมาและถึงเวลาทำงานในวันพรุ่งนี้
คุณอาจจะวางแผนสำหรับวันหยุดในอาทิตย์ถัดไปแล้ว ว่าคุณจะทำอะไร จะไปที่ไหน หรือใช้เวลานอนให้คุ้มค่าอีกสักครั้ง
ดีที่สุดคือการได้ออกไปสังสรรข้างนอกกับเพื่อนๆ ได้คุยปรับทุกข์สุขกัน เพื่อแลกเปลี่ยนชีวิตและประสบการณ์ในที่ทำงาน ที่คุณพึ่งประสบพบเจอมา หรือปัญหาเก่าของคุณกับเพื่อน

แล้วที่ไหนคือสถานที่ ที่คุณคิดไว้ล่ะาร์ ร้านคาราโอเกะ ร้านเหล้า ร้านคาเฟ่ หรือบ้านเพื่อนฯลฯ แต่ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม ถ้าเราได้ออกไปใช้เวลาว่างของเรา มันก็ถือว่าดีกว่าการต้องนั่งทำงานที่น่าเบื่อ ที่เราล้ามาทั้งอาทิตย์แล้ว

บทสนทนา ระหว่างนั้นมักจะมีทั้งเรื่องที่สนุกสนาน เรื่องเครียดๆ เรื่องน่าเบื่อๆ เรื่องน่าตื่นเต้นสาระพัด พร้อมกับอาหารและเครื่องดื่มที่คลุกเคล้ากับเรื่องเล่าของกันและกัน มันสนุกออกรสออกชาติมากเลย





สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมักจะนึกถึงคือ มื่อต้องแยกย้ายจากกัน เรามักจะเสียดายเวลาในวันพรุ่งนี้ ที่ควรจะได้เจอกันอีกครั้ง แต่พรุ่งนี้คือวันทำงาน จึงมักไม่ค่อยแปลกใจเมื่อเราสนุกมากกับวันหยุด พรุ่งนี้เราก็ยังอยากจะหยุดกันอีก

เช่นเดียวกับการได้อยู่เฉยๆ กินอาหารอร่อยๆ นอนหลับสบายๆในวันหยุดอยู่ที่ห้องที่อบอุ่นของเรา ก็ทำให้เราคิดข้ามไปถึงวันหยุดข้างหน้าอีกครั้ง ทำให้การทำงานกลายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ หรือมันน่าเบื่อตั้งแต่แรก วันหยุดจึงมีค่ามากเป็นพิเศษสำหรับคนทำงาน หรือมนุษย์เงือนเดือน




"เวลาทำงานคือ เวลางาน และจงใช้วันหยุดให้คุ้มค่าเช่นเดียวกัน" ❤❤

วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Review : 3 เหตุผล คิดอะไรไม่ออกต้องBARCO Café & Eatery (บาร์โค คาเฟ่ แอน อีท'เทอรี)





คิดอะไรไม่ออกไปร้านเดิม




             BARCO Café & Eatery (บาร์โค คาเฟ่ แอน อีท'เทอรี)   คาเฟ่ชิคๆใจกลางเมืองศรีสะเกษ สามารถขับรถไปเองได้ค่ะ หลายคนคงมีร้านอาหารในดวงใจของตัวเอง เวลาหิว อยากกินอะไรอร่อยๆ บรรยกาศดีๆ นั่งชิวๆ เมื่อคิดได้เป็นต้องไป   คราวนี้มาดู 3 เหตุผลหลักๆว่าทำไมเราต้องตัดสินใจไปร้านอาหาร BARCO Café & Eatery (บาร์โค คาเฟ่ แอน อีท'เทอรี) กันบ้าง 

1. เดินทางสะดวก 
  ร้าน บาร์โค คาเฟ่ อยู่ใจกลางเมืองศรีสะเกษ ซึ่งถือว่าอยู่ในทำเลที่ดีร้านตั้งอยู่เยื้องกับ Yamaha Square ศรีสะเกษกิจเจริญไทย ประมาณ 100 เมตร ร้านตั้งอยู่ตรงหัวมุมเลย ถ้าหากใครไปไม่ถูกสามารถดู GPS ได้เลยค่ะ ถามคนแถวนั้นก็ง่ายไปอีก  เวลาเปิดร้าน ทุกวัน 11:30 - 22:30
2. อาหารอร่อย/บริการที่ดี
    ที่ร้านมีเมณูอาหารให้สั่งมากมาย การตกแต่งหน้าตาที่มีความสวยงามทันสมัย  เรียกได้ว่าโดนใจสายเชลฟี่แน่นอนค่ะ พร้อมเครื่องดื่มที่หลากหลาย ขนมหวาน ที่อร่อยโดนใจทุกครั้งที่ไปที่นั่นค่ะ ประกอบกับการบริการที่ยอดเยี่ยมของพนักงานที่นั่น ยิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมบริการและเอาใจคุณลูกค้าเมื่อร้องขออะไรก็ตามที่ทางร้าน สามารถจัดหาให้ได้ตามความสะดวก และไม่เกินขอบเขต  ส่วนราคานั้นก็ตามความเหมาะสมค่ะ คุ้มค่ากับที่จ่ายไป

3. การแต่งร้านสวยงามทันสมัย
      ร้านบาร์โค คาเฟ่ มีที่นั่งทั้งในร้านและนอกร้าน การตกแต่งร้านสวยงามดูทันสมัยด้วยโทนสีดำ-น้ำตาล ดูลึกลับน่าค้นหา เมื่อเดินเข้าไปภายในร้านจะเจอเคาร์เตอร์ของพนักงานยู่ตรงกลาง ข้างในร้านตกแต่งด้วยขวดไวน์เรียงกันเป็นชั้นๆ และมุมสีเขียวด้วยเครือของต้นไม้ที่ตกแต่งข้างผนัง   ในร้านมีที่นั่งทั้งแบบกลุ่ม และแบบไปกัน 2 คนก็มีนะคะ ตรงผนังมีปลั๊กสามตาไว้สำหรับชาร์ทแบท เมื่อลูกค้าแบทโทรศัพท์หมด ถ้าไม่มีสายชาร์ทสามารถขอนักงานได้ค่ะ (เราขอบ่อยๆ)

ถ้าเพื่อนๆถูกใจร้านนนี้หรืออยู่แถวๆนั้นลองไปดูนะคะ 






บริเวณแสดงดนตรี




ข้างร้านอีกมุมที่เหมาะแก่การถ่ายรูป



เมรูพิซซ่าหน้าชีสสสส แป้งบางกรอบชีสหนาๆเอาใจคนชอบชีสส  ราคาประมาณสามร้อยบาทค่ะ


เพื่อคนไม่กลัวอ้วนค่ะ




ต้มยำกุ้งแซบสะใจ กับเมณูผัดผัก และเมล็ดมะม่วงหิมะพานต์ทอด  อร่อยจนต้องสั่งอีกค่ะ





แกงเรียงกุ่งสด สำหรับคนรักสุขภาพค่ะ อร่อยผักเยอะ






Review : มา นา เด้อ แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี


        " มา  นา  เด้อ "  



       เป็นอีกวันที่ได้มีโอกาสไปจังหวัดอุบลราชธานีหลังจากเรียนจบ  ซึ่งบังเอิญวันนั้นเรากับเพื่อนจะไปสมัครงานที่อุบลพอดี  เพื่อนจึงนึกขึ้นมาได้ว่า ที่อุบลฯมี "ร้านกาแฟกลางทุ่งนา" ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้  ได้ข่าวว่าเป็นร้านกาแฟเปิดใหม่ด้วยนะคะ  เรากับเพื่อนไม่รอช้าขับรถไปก่อนจะหาที่พักอีกค่ะ 555555 


          






          ร้านกาแฟที่ว่านั้นอยู่ที่ ตำบล ก่อเอ้ อำเภอ เขื่องใน อุบลราชธานี   ห่างจากตัวเมืองอุบลฯออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร ขับรถประมาณ ครึ่งชั่วโมงค่ะ  ร้านจะอยู่ทางด้านซ้ายมือติดถนนเลย บรรยกาศร้านเมื่อตอนที่เรากับเพื่อนไปถึงก็ประมาณ บ่ายสี่โมง แสงกำลังสวยอากาศกำลังดี  ต้นข้าวในนานี้เรียกว่าสวยมากๆค่ะ เขียวขจีสุดๆ 






         เมื่อไปถึงที่หมาย เรากับเพื่อนไม่รอช้านะคะ จัดมุมถ่ายรูปโดยทันที ทางร้านเอาใจนักเที่ยวสุดๆ เดินไปตรงไหนน่าถ่ายรูปมากค่ะ จากในรูปก็เป็นที่นั่งเป็นตาข่ายที่ให้ลงไปนั่ง เราแอบเสียวเพราะกลัวตาข่ายขาด (คือมันไม่ขาดง่ายๆ แต่กลัวไปเอง) 555555  เพราะข้างล่างนั้นมีแต่น้ำล้วนๆค่ะ (ถ่ายรูปกันไป)







          อีกอย่างบริเวณรอบๆร้านจะมีสะพานไม้ที่ทำทอดยาวลงไปในทุ่งนาด้วยนะคะ เรียกได้ว่าคนที่มาเที่ยวไม่ต้องเดินฝ่าดงข้าวในนาให้เปื้อนเลยค่ะ55555 (แต่ก็คงไม่มีใครห้าวเดินลุยลงไปนะคะ) ข้างๆสะพานไม้จะมีหลังคามุงด้วยใบจากและหญ้าคา ได้บรรยกาศท้องทุ่งนาไปอี๊กก มีแปลนอนกินลมสะบายๆ เสียดายไม่ได้ถ่ายมาให้ดูค่ะ แต่คิดว่าคงจะพอเดากันออกนะคะ  (เสียดายๆ)





         นี้คือบรรยากาศตัวร้านเมื่อมองจากด้านนอกร้านนะคะ คนแน่นมากๆ ร้านเป็นกระจกสามารถมองทะลุออกมาเห็นวิวด้านนอกได้ค่ะ  ข้างในก็จะขายเครื่องดื่ม ขนม เหมือนร้านทั่วไปค่ะ เดินเหนื่อยๆก็เข้าไปซื้อดื่มสักหน่อย หรือจะซื้อก่อนก็ค่อยออกไปเดินถ่ายรูปสวยๆก็ได้ค่ะ

    
      แก้วนี้คือชาไทย "ma na de' " ที่เราซื้อกินรสชาติก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรค่ะ ราคาก็สมเหตุสมผล   อร่อยพอกินได้นั่นแหละแล้วแต่ลิ้นคนดื่ม ภาพนี้ตั้งใจถ่ายนะคะ 55555 วิวด้านหลังเป็นทุ่งนาสีเขียวกับตัวร้าน ได้อารมณ์มากๆ ถือว่าคุ้มค่าอยู่ค่ะ กินบรรยกาศกันไปชิวๆ

อีกอย่างวันนั้นเราไปแล้วต้องรีบนิดหนึ่งนะคะ เพราะที่พักยังไม่ได้จองกันเลยทีเดียว  กลัวค่ำก่อน เพราะเราไปค้างแค่คืนเดียวต้องกลับแล้ว ไม่ได้อยู่นานค่ะ  นั่งเล่นเกมส์เสร็จก็กลับเข้าเมืองหาที่พักต่อค่ะ  เพราะฉนั้นทริป  มา นา เด้อ จึงเป็นทริปแบบเร่งด่วนนิดหนึ่งนะคะ ไว้โอกาสหน้าเที่ยวที่ไหนอีกจะก็บบรรยกาศ เรื่องราวมาแบ่งปันให้แน่นๆไปเลยนะคะ   

วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2561

การไปท่องเที่ยวที่เราคิดว่าเลือกเองตามใจ? ในโลกอินเตอร์เน็ตที่ใครๆก็นำเสนอข้อมูลได้ - Mango on true trip

         การท่องเที่ยวที่เราเลือกเองตามใจ??



              การท่องเที่ยวทุกวันนี้เปลี่ยนไปมาก เมื่อผู้คนทั่วโลกอยู่ในยุคอินเตอร์เน็ต การค้นคว้าหาข้อมูลในโลกอินเตอร์เน็ตเจริญเติบโตไปอย่างก้าวกระโดด ทั้งรัฐและเอกชนทุกประเทศทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับความเชื่อมโยงโลกนี้ด้วยอินเตอร์เน็ต  ทำให้ปัจจุบันนี้ การออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆเป็นเรื่องง่าย และมักถูกค้นหาใน Google , Facebook  แผนที่ GPS หรือมัลติมิเดียอื่นๆที่ให้บริการทั้งความสะดวกสบายในการเดินทาง ที่พัก ผู้คนสามารถค้นหาได้อย่างรวดเร็ว เพราะมีข้อมูลที่พร้อมเสร็จสรรพ  นั่นหมายความว่า หากอยากไปที่ไหนทุกคนสามารถหาข้อมูลได้ทันทีเพียงแค่ Click และพร้อมจะออกเดินทางได้ทุกเมื่อ



 

           การท่องเที่ยวที่เอาแต่ใจ ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้อย่างแน่นอนว่าหากเรา

อยากไปเที่ยวหรือไปสถานที่ใด สิ่งแรกที่คนจะทำคือ การเปิด Google ค้นหาสถานที่แห่งนั้น

ทันที และการกดถูกใจเพจใน Facebook เพื่อติดตามการอัปเดจข้อมูลการท่องเที่ยวแห่งนั้นใน

ทุกๆวัน ประกอบกับข้อมูลที่อัดแน่นทั้ง ภาพ เสียง วีดีโอ การออกเดินทางท่องเที่ยวของคนรุ่น

ใหม่ทุกวันนี้จึงเป็นไปด้วยความรวดเร็ว แต่ฉาบฉวย การไปเพื่อเช็คอินสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อ

แสดงให้รู้ถึงการมาถึง การแชร์ภาพสวยๆ เพื่อดึงดูดความสนใจ นี้เป็นรูปแบบการท่องเที่ยว

แบบใหม่ที่ได้รับความนิยมเมื่อมีการมาถึงของ Facebook ที่กลายเป็น Platform ขนาดใหญ่ที่

ผู้คนใช้งานของคนทั่วโลก การเชื่อมโลกเข้าด้วยกัน รวมถึงสืออื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการนำเสนอ

ข้อมูลเพื่อการแชร์






            การค้นหาและออกเดินทางไปเที่ยวในยุคนี้ หลายครั้งถูกนิยาม

ว่า เป็นการออกเดินทางเพื่อค้นหาตัวตน ทำสิ่งที่ตนเองชอบและสนใจ เพื่อความพึงพอใจ บางที

ใช้ศัพท์แบบวัยรุ่นที่เรียกว่า การทำตัวแบบ "ชิคๆ กับสถานที่ชิคๆ " เพียงแค่ Click คุณก็ชิค

ตามใจได้แล้ว 





               การออกเดินทางท่องเที่ยวของเราทุกคนนั้นเกิดจาก

การสร้างสรรค์ข้อมูลขึ้นมา เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวผู้กระหายความแตกต่าง การ

แชร์ข้อมูลสถานที่ออกไปบางอย่างคนเรามักคิดแล้วว่า "นี้แหละคือสิ่งที่ฉันสนใจ" มาอันดับ

แรก ถ้าหากมียอดไลค์ตามมานั่นหมายความว่า มันคือการตอกย้ำว่าสถานที่แห่งนั้นน่าสนใจ

มากขึ้น บางทีการตัดสินใจออกเดินทาง อาจจะไม่ได้ขึ้นกับเราเพียงคนเดียว แต่ทุกครั้งที่คุณ

ออกเดินทาง ภาพในหัวของคุณมักจะคาดหวังกับสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณเสพมันมาแล้วส่วน

หนึ่ง  อีกส่วนหนึ่งเพียงรอคุณไปสัมผัสของจริงอย่างที่คุณคิดว่าคุณต้องการ  และต้องเจอแบบ

ข้อมมูลที่คุณเสพมาก่อนหน้า ทำให้การไปเที่ยวของคุณ  อาจดูเหมือนว่าคุณเลือกเองตามใจ 

แต่ข้อมูลทั้งหมดถูกเลือกและคัดสรรค์มาเพื่อคุณแล้วทั้งนั้น





         สำหรับนักท่องเที่ยวที่รีวิวการท่องเที่ยว นักกิน นักชอป และเป็นนัก

เขียนนักนำเสนอข้อมูลผ่านสื่อต่างๆ จากการออกเดินทาง  พวกนี้มักได้เปรียบเพราะจะเป็นผู้

เรียบเรียงข้อมูลการท่องเที่ยวหลากแนว หลานสไตล์ ออกมาก่อนเสมอ แต่หลายครั้งการไป

ของพวกเขาก็ได้จากข้อมูลเก่าๆมาแล้วทั้งนั้น เช่น หนัง ละคร ซีรีย์ สารคดี เป็นต้น เพื่อสร้าง

ความแตกต่างให้กับข้อมูลงานของตนเอง  หรือแม้กระทั่งการเริ่มบุกเบิกสถานที่ท่องเที่ยวที่

แปลกพิศดาร หรือสถานที่ที่ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก  รอจนกระทั่งมีผู้มาสร้างข้อมูลให้สถานที่

แห่งนั้นจนได้รับความสนใจในภายหลัง  





         โลกอินเตอร์เน็ตที่ใครๆก็นำเสนอข้อมูลได้ ทั้งภาพ เสียง เนือหา วี

ดิโอ สิ่งเหล่านี้สร้างปรากฏการณ์โลกไร้พรหมแดนมานานผ่านอินเตอร์เน็ต ทุกวันนี้เรามี 

Google Facebook Twitter Blog  ฯลฯ ที่ทุกคนสามารถส่งข้อมูลแชร์ในโลกออนไลน์ได้แบบเรียล

ไทม์ กับสถานที่ที่คุณไปในโลกใบนี้  ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่เราจะสามารถปิดกั้นข้อมูล

ที่หลั่งไหลอยู่ตลอดเวลาเหล่านี้ได้  เว้นเสียแต่คุณจะจากโลกนี้ไปเท่านั้น เพราะฉะนั้นเราจึงรู้ว่า

โลกนี้มีสถานที่ที่รอให้เราไปเยือนอีกมาก เพียงแค่คุณ Click โลกทั้งใบข้อมูลทั้งหมดก็จะมาอยู่

ตรงหน้าคุณ สิ่งที่คุณทำคือ การเลือกจากสิ่งที่ถูกเลือกมาแล้วนั่นเอง










ถนน "เจริญกรุง"ถนนแบบตะวันตกสายแรกของประเทศไทย

    ถนนสายใหม่ สายแรกในประเทศไทย           แรกเริ่มเดิมทีไทยไม่มีการตัดถนนแบบ เรียบๆแบนๆ ดูมีแบบแผน เราใช้ถนนที่เรียกว่า "ทางเกวียน ...