วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Review : 3 เหตุผล คิดอะไรไม่ออกต้องBARCO Café & Eatery (บาร์โค คาเฟ่ แอน อีท'เทอรี)





คิดอะไรไม่ออกไปร้านเดิม




             BARCO Café & Eatery (บาร์โค คาเฟ่ แอน อีท'เทอรี)   คาเฟ่ชิคๆใจกลางเมืองศรีสะเกษ สามารถขับรถไปเองได้ค่ะ หลายคนคงมีร้านอาหารในดวงใจของตัวเอง เวลาหิว อยากกินอะไรอร่อยๆ บรรยกาศดีๆ นั่งชิวๆ เมื่อคิดได้เป็นต้องไป   คราวนี้มาดู 3 เหตุผลหลักๆว่าทำไมเราต้องตัดสินใจไปร้านอาหาร BARCO Café & Eatery (บาร์โค คาเฟ่ แอน อีท'เทอรี) กันบ้าง 

1. เดินทางสะดวก 
  ร้าน บาร์โค คาเฟ่ อยู่ใจกลางเมืองศรีสะเกษ ซึ่งถือว่าอยู่ในทำเลที่ดีร้านตั้งอยู่เยื้องกับ Yamaha Square ศรีสะเกษกิจเจริญไทย ประมาณ 100 เมตร ร้านตั้งอยู่ตรงหัวมุมเลย ถ้าหากใครไปไม่ถูกสามารถดู GPS ได้เลยค่ะ ถามคนแถวนั้นก็ง่ายไปอีก  เวลาเปิดร้าน ทุกวัน 11:30 - 22:30
2. อาหารอร่อย/บริการที่ดี
    ที่ร้านมีเมณูอาหารให้สั่งมากมาย การตกแต่งหน้าตาที่มีความสวยงามทันสมัย  เรียกได้ว่าโดนใจสายเชลฟี่แน่นอนค่ะ พร้อมเครื่องดื่มที่หลากหลาย ขนมหวาน ที่อร่อยโดนใจทุกครั้งที่ไปที่นั่นค่ะ ประกอบกับการบริการที่ยอดเยี่ยมของพนักงานที่นั่น ยิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมบริการและเอาใจคุณลูกค้าเมื่อร้องขออะไรก็ตามที่ทางร้าน สามารถจัดหาให้ได้ตามความสะดวก และไม่เกินขอบเขต  ส่วนราคานั้นก็ตามความเหมาะสมค่ะ คุ้มค่ากับที่จ่ายไป

3. การแต่งร้านสวยงามทันสมัย
      ร้านบาร์โค คาเฟ่ มีที่นั่งทั้งในร้านและนอกร้าน การตกแต่งร้านสวยงามดูทันสมัยด้วยโทนสีดำ-น้ำตาล ดูลึกลับน่าค้นหา เมื่อเดินเข้าไปภายในร้านจะเจอเคาร์เตอร์ของพนักงานยู่ตรงกลาง ข้างในร้านตกแต่งด้วยขวดไวน์เรียงกันเป็นชั้นๆ และมุมสีเขียวด้วยเครือของต้นไม้ที่ตกแต่งข้างผนัง   ในร้านมีที่นั่งทั้งแบบกลุ่ม และแบบไปกัน 2 คนก็มีนะคะ ตรงผนังมีปลั๊กสามตาไว้สำหรับชาร์ทแบท เมื่อลูกค้าแบทโทรศัพท์หมด ถ้าไม่มีสายชาร์ทสามารถขอนักงานได้ค่ะ (เราขอบ่อยๆ)

ถ้าเพื่อนๆถูกใจร้านนนี้หรืออยู่แถวๆนั้นลองไปดูนะคะ 






บริเวณแสดงดนตรี




ข้างร้านอีกมุมที่เหมาะแก่การถ่ายรูป



เมรูพิซซ่าหน้าชีสสสส แป้งบางกรอบชีสหนาๆเอาใจคนชอบชีสส  ราคาประมาณสามร้อยบาทค่ะ


เพื่อคนไม่กลัวอ้วนค่ะ




ต้มยำกุ้งแซบสะใจ กับเมณูผัดผัก และเมล็ดมะม่วงหิมะพานต์ทอด  อร่อยจนต้องสั่งอีกค่ะ





แกงเรียงกุ่งสด สำหรับคนรักสุขภาพค่ะ อร่อยผักเยอะ






Review : มา นา เด้อ แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี


        " มา  นา  เด้อ "  



       เป็นอีกวันที่ได้มีโอกาสไปจังหวัดอุบลราชธานีหลังจากเรียนจบ  ซึ่งบังเอิญวันนั้นเรากับเพื่อนจะไปสมัครงานที่อุบลพอดี  เพื่อนจึงนึกขึ้นมาได้ว่า ที่อุบลฯมี "ร้านกาแฟกลางทุ่งนา" ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้  ได้ข่าวว่าเป็นร้านกาแฟเปิดใหม่ด้วยนะคะ  เรากับเพื่อนไม่รอช้าขับรถไปก่อนจะหาที่พักอีกค่ะ 555555 


          






          ร้านกาแฟที่ว่านั้นอยู่ที่ ตำบล ก่อเอ้ อำเภอ เขื่องใน อุบลราชธานี   ห่างจากตัวเมืองอุบลฯออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร ขับรถประมาณ ครึ่งชั่วโมงค่ะ  ร้านจะอยู่ทางด้านซ้ายมือติดถนนเลย บรรยกาศร้านเมื่อตอนที่เรากับเพื่อนไปถึงก็ประมาณ บ่ายสี่โมง แสงกำลังสวยอากาศกำลังดี  ต้นข้าวในนานี้เรียกว่าสวยมากๆค่ะ เขียวขจีสุดๆ 






         เมื่อไปถึงที่หมาย เรากับเพื่อนไม่รอช้านะคะ จัดมุมถ่ายรูปโดยทันที ทางร้านเอาใจนักเที่ยวสุดๆ เดินไปตรงไหนน่าถ่ายรูปมากค่ะ จากในรูปก็เป็นที่นั่งเป็นตาข่ายที่ให้ลงไปนั่ง เราแอบเสียวเพราะกลัวตาข่ายขาด (คือมันไม่ขาดง่ายๆ แต่กลัวไปเอง) 555555  เพราะข้างล่างนั้นมีแต่น้ำล้วนๆค่ะ (ถ่ายรูปกันไป)







          อีกอย่างบริเวณรอบๆร้านจะมีสะพานไม้ที่ทำทอดยาวลงไปในทุ่งนาด้วยนะคะ เรียกได้ว่าคนที่มาเที่ยวไม่ต้องเดินฝ่าดงข้าวในนาให้เปื้อนเลยค่ะ55555 (แต่ก็คงไม่มีใครห้าวเดินลุยลงไปนะคะ) ข้างๆสะพานไม้จะมีหลังคามุงด้วยใบจากและหญ้าคา ได้บรรยกาศท้องทุ่งนาไปอี๊กก มีแปลนอนกินลมสะบายๆ เสียดายไม่ได้ถ่ายมาให้ดูค่ะ แต่คิดว่าคงจะพอเดากันออกนะคะ  (เสียดายๆ)





         นี้คือบรรยากาศตัวร้านเมื่อมองจากด้านนอกร้านนะคะ คนแน่นมากๆ ร้านเป็นกระจกสามารถมองทะลุออกมาเห็นวิวด้านนอกได้ค่ะ  ข้างในก็จะขายเครื่องดื่ม ขนม เหมือนร้านทั่วไปค่ะ เดินเหนื่อยๆก็เข้าไปซื้อดื่มสักหน่อย หรือจะซื้อก่อนก็ค่อยออกไปเดินถ่ายรูปสวยๆก็ได้ค่ะ

    
      แก้วนี้คือชาไทย "ma na de' " ที่เราซื้อกินรสชาติก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรค่ะ ราคาก็สมเหตุสมผล   อร่อยพอกินได้นั่นแหละแล้วแต่ลิ้นคนดื่ม ภาพนี้ตั้งใจถ่ายนะคะ 55555 วิวด้านหลังเป็นทุ่งนาสีเขียวกับตัวร้าน ได้อารมณ์มากๆ ถือว่าคุ้มค่าอยู่ค่ะ กินบรรยกาศกันไปชิวๆ

อีกอย่างวันนั้นเราไปแล้วต้องรีบนิดหนึ่งนะคะ เพราะที่พักยังไม่ได้จองกันเลยทีเดียว  กลัวค่ำก่อน เพราะเราไปค้างแค่คืนเดียวต้องกลับแล้ว ไม่ได้อยู่นานค่ะ  นั่งเล่นเกมส์เสร็จก็กลับเข้าเมืองหาที่พักต่อค่ะ  เพราะฉนั้นทริป  มา นา เด้อ จึงเป็นทริปแบบเร่งด่วนนิดหนึ่งนะคะ ไว้โอกาสหน้าเที่ยวที่ไหนอีกจะก็บบรรยกาศ เรื่องราวมาแบ่งปันให้แน่นๆไปเลยนะคะ   

วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2561

การไปท่องเที่ยวที่เราคิดว่าเลือกเองตามใจ? ในโลกอินเตอร์เน็ตที่ใครๆก็นำเสนอข้อมูลได้ - Mango on true trip

         การท่องเที่ยวที่เราเลือกเองตามใจ??



              การท่องเที่ยวทุกวันนี้เปลี่ยนไปมาก เมื่อผู้คนทั่วโลกอยู่ในยุคอินเตอร์เน็ต การค้นคว้าหาข้อมูลในโลกอินเตอร์เน็ตเจริญเติบโตไปอย่างก้าวกระโดด ทั้งรัฐและเอกชนทุกประเทศทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับความเชื่อมโยงโลกนี้ด้วยอินเตอร์เน็ต  ทำให้ปัจจุบันนี้ การออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆเป็นเรื่องง่าย และมักถูกค้นหาใน Google , Facebook  แผนที่ GPS หรือมัลติมิเดียอื่นๆที่ให้บริการทั้งความสะดวกสบายในการเดินทาง ที่พัก ผู้คนสามารถค้นหาได้อย่างรวดเร็ว เพราะมีข้อมูลที่พร้อมเสร็จสรรพ  นั่นหมายความว่า หากอยากไปที่ไหนทุกคนสามารถหาข้อมูลได้ทันทีเพียงแค่ Click และพร้อมจะออกเดินทางได้ทุกเมื่อ



 

           การท่องเที่ยวที่เอาแต่ใจ ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้อย่างแน่นอนว่าหากเรา

อยากไปเที่ยวหรือไปสถานที่ใด สิ่งแรกที่คนจะทำคือ การเปิด Google ค้นหาสถานที่แห่งนั้น

ทันที และการกดถูกใจเพจใน Facebook เพื่อติดตามการอัปเดจข้อมูลการท่องเที่ยวแห่งนั้นใน

ทุกๆวัน ประกอบกับข้อมูลที่อัดแน่นทั้ง ภาพ เสียง วีดีโอ การออกเดินทางท่องเที่ยวของคนรุ่น

ใหม่ทุกวันนี้จึงเป็นไปด้วยความรวดเร็ว แต่ฉาบฉวย การไปเพื่อเช็คอินสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อ

แสดงให้รู้ถึงการมาถึง การแชร์ภาพสวยๆ เพื่อดึงดูดความสนใจ นี้เป็นรูปแบบการท่องเที่ยว

แบบใหม่ที่ได้รับความนิยมเมื่อมีการมาถึงของ Facebook ที่กลายเป็น Platform ขนาดใหญ่ที่

ผู้คนใช้งานของคนทั่วโลก การเชื่อมโลกเข้าด้วยกัน รวมถึงสืออื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการนำเสนอ

ข้อมูลเพื่อการแชร์






            การค้นหาและออกเดินทางไปเที่ยวในยุคนี้ หลายครั้งถูกนิยาม

ว่า เป็นการออกเดินทางเพื่อค้นหาตัวตน ทำสิ่งที่ตนเองชอบและสนใจ เพื่อความพึงพอใจ บางที

ใช้ศัพท์แบบวัยรุ่นที่เรียกว่า การทำตัวแบบ "ชิคๆ กับสถานที่ชิคๆ " เพียงแค่ Click คุณก็ชิค

ตามใจได้แล้ว 





               การออกเดินทางท่องเที่ยวของเราทุกคนนั้นเกิดจาก

การสร้างสรรค์ข้อมูลขึ้นมา เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวผู้กระหายความแตกต่าง การ

แชร์ข้อมูลสถานที่ออกไปบางอย่างคนเรามักคิดแล้วว่า "นี้แหละคือสิ่งที่ฉันสนใจ" มาอันดับ

แรก ถ้าหากมียอดไลค์ตามมานั่นหมายความว่า มันคือการตอกย้ำว่าสถานที่แห่งนั้นน่าสนใจ

มากขึ้น บางทีการตัดสินใจออกเดินทาง อาจจะไม่ได้ขึ้นกับเราเพียงคนเดียว แต่ทุกครั้งที่คุณ

ออกเดินทาง ภาพในหัวของคุณมักจะคาดหวังกับสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณเสพมันมาแล้วส่วน

หนึ่ง  อีกส่วนหนึ่งเพียงรอคุณไปสัมผัสของจริงอย่างที่คุณคิดว่าคุณต้องการ  และต้องเจอแบบ

ข้อมมูลที่คุณเสพมาก่อนหน้า ทำให้การไปเที่ยวของคุณ  อาจดูเหมือนว่าคุณเลือกเองตามใจ 

แต่ข้อมูลทั้งหมดถูกเลือกและคัดสรรค์มาเพื่อคุณแล้วทั้งนั้น





         สำหรับนักท่องเที่ยวที่รีวิวการท่องเที่ยว นักกิน นักชอป และเป็นนัก

เขียนนักนำเสนอข้อมูลผ่านสื่อต่างๆ จากการออกเดินทาง  พวกนี้มักได้เปรียบเพราะจะเป็นผู้

เรียบเรียงข้อมูลการท่องเที่ยวหลากแนว หลานสไตล์ ออกมาก่อนเสมอ แต่หลายครั้งการไป

ของพวกเขาก็ได้จากข้อมูลเก่าๆมาแล้วทั้งนั้น เช่น หนัง ละคร ซีรีย์ สารคดี เป็นต้น เพื่อสร้าง

ความแตกต่างให้กับข้อมูลงานของตนเอง  หรือแม้กระทั่งการเริ่มบุกเบิกสถานที่ท่องเที่ยวที่

แปลกพิศดาร หรือสถานที่ที่ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก  รอจนกระทั่งมีผู้มาสร้างข้อมูลให้สถานที่

แห่งนั้นจนได้รับความสนใจในภายหลัง  





         โลกอินเตอร์เน็ตที่ใครๆก็นำเสนอข้อมูลได้ ทั้งภาพ เสียง เนือหา วี

ดิโอ สิ่งเหล่านี้สร้างปรากฏการณ์โลกไร้พรหมแดนมานานผ่านอินเตอร์เน็ต ทุกวันนี้เรามี 

Google Facebook Twitter Blog  ฯลฯ ที่ทุกคนสามารถส่งข้อมูลแชร์ในโลกออนไลน์ได้แบบเรียล

ไทม์ กับสถานที่ที่คุณไปในโลกใบนี้  ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่เราจะสามารถปิดกั้นข้อมูล

ที่หลั่งไหลอยู่ตลอดเวลาเหล่านี้ได้  เว้นเสียแต่คุณจะจากโลกนี้ไปเท่านั้น เพราะฉะนั้นเราจึงรู้ว่า

โลกนี้มีสถานที่ที่รอให้เราไปเยือนอีกมาก เพียงแค่คุณ Click โลกทั้งใบข้อมูลทั้งหมดก็จะมาอยู่

ตรงหน้าคุณ สิ่งที่คุณทำคือ การเลือกจากสิ่งที่ถูกเลือกมาแล้วนั่นเอง










วันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

เยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา อดีตเป็นราชธานีมากว่า 417 ปี




วัดธรรมมิกราช


อยุธยาได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีวัดมากที่สุดในประเทศไทย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นวัดเก่า ที่วัดเก่าที่อยุธยาแม้จะเหลือแต่ซาก แต่ยังคงมีความงดงามสง่า ดังเมืองในนิยาย ที่ยังคงความขลังตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน



เมื่อมาเห็นกับตาตนเอง พบว่าตลอดระยะเวลายาวนาน 417 ปี อยุธยาสร้างอะไร และเหลืออะไรไว้ให้กับคนไทยและโลกไว้มากมาย แม้ปัจจุบันอยุธยาจะพ้นสถานะเมืองหลวงไปแล้ว และกลายเป็นมรดกที่ผู้คนทั่วโลกต้องรักษาและหวงแหนไว้ ในฐานนะหมุดหมายสำคัญแห่งหนึ่งของโลกด้านประวัติศาสตร์




ด้านในวัดจะเหลือเพียงเสาที่เป็นโครงสร้างของตัวอาคาร มีลักษณะเป็นทรงกลมสูงใหญ่ 


วัดธรรมมิกราช


เมื่อไปถึงเราจะพบกับบริการรถตุ๊กๆ เหมาเที่ยวขับชมโบราณสถาน วัดเก่าๆรอบเกาะอยุธยาค่ะ หากใครลุยๆก็มีบริการเช่าจักรยาน ไปเป็นหมู่คณะ ก็สนุกไปอีกแบบ โดยมีผู้นำชม ปั่นไปด้วย ได้สัมผัสกับบบยากาศสุดชิวของเมืองเก่าผสมกับความทันสมัยที่เปลี่ยนไปตามยุค



จดีย์ทรงกลมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ คือมีปูนปั้น
รูปสิงห์ล้อมรอบไว้อย่างงามสง่าและหาชมได้ยากในเมืองไทยจุดเด่นของวัดคือ วัดธรรมิกราชมีสิงห์ล้อมรอบนับได้ 20 ตัว ซึ่งแม้จะหักพังไปตามกาลเวลาอันเนิ่นนานมาถึง 900 ปี แต่ก็ยังหลงเหลือที่สมบูรณ์อีกหลาย



บรรยากาศรอบๆมีซุ้มโค้งของเครือไม้ ครอบบริเวณทางเดินเป็นซุ้มๆ เหมาะแก่การถ่ายรูปและเดินชมวัด




วัดพระนอน
วัดพระนอนจุดเด่นจะเห็นพระพุทธรูปนอนขนาดใหญ่มาก มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินำเครื่องดอกไม้มาบูชาอยู่เป็นระยะ บริเวณรอบๆวัดจะเป็นซากกำแพงขนาดใหญ่ที่พังทะลายลงเหลือเพียงซากกำแพงที่ลายล้อมอยู่รอบบริเวณวัด


วัดไชยวัฒนาราม

วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

เที่ยวเมือง"ช้าง"


เที่ยวเมือง"ช้าง" กับหมู่บ้านช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก!! EP1

ประเดิม อีพีแรกกับผม ในการท่องเที่ยวสุดเก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้ง ที่ จ. สุรินทร์ บ้านเกิดผมเอง ปกติผมจะเป็นคนชอบเที่ยว นู้น นั้น นี้ ไป ต่างจังหวัดเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งแปลกมาก เพราะขณะที่ จังหวัดของตัวเอง ยังไม่รู้เลยว่ามีการท่องเที่ยวแบบสุดโต่งและแปลกใหม่อย่างที่ผมไม่คาดคิด.




ปกติ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวสุรินทร์ ส่วนใหญ่จะมุ่งตรงไปที่ ศูนย์ คชศึกษา ที่หมู่บ้านตากลาง อ.ท่าตูม ซึ่งว่ากันว่าเป็นหมู่บ้านเลี้ยงช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ในขณะเดียวกัน อีกหมู่บ้านถัดไป ก็มีการท่องเที่ยวแบบเชิงลึก เข้าถึงวิถีการใช้ชีวิต ของชาวบ้านจริงๆ ซึ่งที่ๆผมหมายถึงนั้นก็คือ หมู่บ้านตาทิตย์ ตำบลกระโพ จ.สุรินทร์ 





นอกจากจะได้สัมผัส การใช้ชีวิตของคนกับช้างแล้ว สิ่งที่ชอบที่สุดของการมาเที่ยวครั่งนี้ ก็คงจะเป็น การอาบน้ำให้ช้าง นับตั่งแต่การขี่หลังช้างจนปวดตูด เพื่อไปลงอาบน้ำ ที่แม่นำชี ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับ บ้านของลุงรี เจ้าของช้าง และเจ้าของโฮมสเตย์ ราคาเริ่มต้นที่ 300 บ./คืน เท่านั้น


ลุงรี เล่าให้ฟังว่าการท่องเที่ยวแบบนี้ ส่วนใหญ่ จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่มาพัก บางทีมาอยู่เป็นดือนก็มี ชาวต่างชาติ ที่มาจะรู้สึก amazing มากๆ กับการที่คนๆนึงจะมีสัตว์เลี้ยงตัวโตเท่าบ้าน 
ส่วนการเดินทางมาหมู่บ้านตาทิตย์ ก็ไม่ยากอย่างที่คิด แค่กด Gps นำทาง แล้วโทรหาลุงรีเลย 0872417714 






อาบน้ำให้ช้างสัมผัสชีวิตธรรมชาติ อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน


บริเวณรอบๆชาวบ้านปลูกพืชเศรษฐกิจ โดยเฉพาะพริก 



นำช้างไปอาบน้ำตัวละ 500 บาท ถ้าเหมาไปทั้งหมด 4 เชือก (รวมลูกช้างเพิ่งเกิดใหม่)ผมโชคดีมากจ่าย 1,000 บาทครับ คนสุรินทร์ใจดีนะครับ





เป็นประสบการณ์การท่องเที่ยว ที่ไม่รู้ลืมจริงๆ 

ถนน "เจริญกรุง"ถนนแบบตะวันตกสายแรกของประเทศไทย

    ถนนสายใหม่ สายแรกในประเทศไทย           แรกเริ่มเดิมทีไทยไม่มีการตัดถนนแบบ เรียบๆแบนๆ ดูมีแบบแผน เราใช้ถนนที่เรียกว่า "ทางเกวียน ...